ชมธรรมชาติที่เขาใหญ่มีอะไรบ้าง

อุทยานแห่งชาตินับว่าเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยธรรมชาติ ทั้งต้นไม้ ต้นน้ำ สัตว์ พืช และอีกมากมาย บ้านเราอุทยานแห่งชาติใหญ่สุดต้องเป็น อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่นั่นเอง เรามาย้อนกันสักหน่อยว่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีธรรมชาติอะไรบ้าง

จุดชมวิว

จุดชมธรรมชาติอย่างแรก ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ต้องเป็นจุดชมวิวสวยๆ มองเห็นธรรมชาติสุดลูกหู ลูกตา บางครั้งการได้ไปจุดชมวิวในช่วงเวลาพระอาทิตย์ขึ้น หรือ ตก ยิ่งทำให้การได้มองเห็นธรรมชาติมันจรรโลงใจจริงๆ จุดชมวิวชื่อดังได้แก่ จุดชมทิวทัศน์เขาเขียว(ผาเดียวดาย) กับ จุดชมทิวทัศน์ผาตรอมใจ(แนะนำว่าต้องไปช่วงฤดูฝนจะเห็นเจ้าถิ่นธรรมชาติอย่าง ผีเสื้อกลางคืนเยอะมาก)

น้ำตก

ความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติของ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เราขอยกให้น้ำตก มากมายหลายแห่งในบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ น้ำตกน้อยใหญ่มากมายรอให้เราไปชื่นชม ไปเล่นน้ำให้ชื่นใจ น้ำตกแห่งสำคัญได้แก่ น้ำตกเหวสุทัตตั้งอยู่ปลายทางถนนธนะรัชต์ น้ำตกจากหน้าผาสูง 20 เมตร ไปชื่นชมความยิ่งใหญ่น้ำตกแห่งนี้กัน แต่การเล่นน้ำตกแห่งนี้ต้องเช็คสภาพความพร้อมของพื้นที่จากเจ้าหน้าที่ก่อนไม่งั้นอันตราย

เส้นทางสำรวจธรรมชาติ

ส่วนใครอยากท่องเที่ยวชมธรรมชาติอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่แบบผจญภัยหน่อย สร้างสีสันให้การท่องเที่ยว เราขอแนะนำให้ท่องเที่ยวแบบเดินสำรวจเส้นทางธรรมชาติ เส้นทางเดินป่าประเภทล่องไพร การเดินป่าแบบนี้เหมาะการท่องเที่ยวค้างคืน ใครสนใจติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานก่อนเพื่ออำนวยความสะดวก และความปลอดภัย

หอดูสัตว์

ดัชนีชี้วัดความสมบูรณ์ของป่าไม้ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่นั้น ได้แก่เหล่าบรรดาสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลายที่อาศัยอยู่ในป่านั้นเอง การจะไปดูสัตว์ส่องสัตว์ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เขามีบริการหอดูสัตว์ให้เราดูอย่างใกล้ชิดไม่เป็นอันตรายต่อเรา และสัตว์ด้วย หอดูสัตว์มี 3 แห่งได้แก่ หอดูสัตว์หนองผักชี, หอดูสัตว์มอสิงโต และหอดูสัตว์คลองปลากั้ง เราจะได้ยลโฉมกวาง ช้างป่า หากโชคดีเราจะได้เห็นกระทิง มากินโป่งใกล้ๆ

ส่องสัตว์กลางคืน

ไม่เพียงแค่สัตว์ตอนกลางวันเท่านั้น ตอนกลางคืนสัตว์บางชนิดออกมาหากินก็เป็นโอกาสดีที่เราจะได้มีโอกาสเห็นพวกมันแบบตัวเป็นๆ หากเราส่องไฟดูสัตว์ข้างทางตอนกลางคืนเราอาจจะได้เห็นตัวเม่น ชะมด นกฮูก บ่าง รวมไปถึงหมีขอด้วยเลย กิจกรรมนี้เราไปทำเองไม่ได้นะอันตราย (สัตว์อาจจะคิดว่าเราเป็นอันตรายพุ่งมาทำร้ายได้) ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่เขาใหญ่จะปลอดภัยกว่า บริการส่องสัตว์กลางคืนมี 2 รอบได้แก่รอบ 19.00 และ 20.00 น. ใครสนใจติดต่อได้

 

เที่ยวกาญ เที่ยวสังขละ

วันนี้เราจะไปท่องเที่ยว จังหวัด กาญจนบุรีกัน จังหวัดนี้ถือว่าเป็นจังหวัดแห่งความอุดมสมบูรณ์แห่งภาคตะวันตกของประเทศเราเลยก็ว่าได้ ส่วนใหญ่จังหวัดนี้เรามักจะนึกถึงการล่องแพ แต่ว่าเราจะไปเที่ยวกาญที่อื่นดูบ้างว่ามีอะไร
สังขละ – ปิล็อก
จังหวัดกาญจนบุรีการท่องเที่ยวที่มาแรง เป็นกระแสถูกใจวัยรุ่นหนุ่มสาว นั่นคือการไปเที่ยวสังขละบุรี ปิล็อก เส้นทางนี้ชูจุดเด่นการท่องเที่ยวสองล้อ รถมอเตอร์ไซค์บิดไปไม่ไกลมากจากกรุงเทพ ทำให้สายแว๊นทั้งหลายไปท่องเที่ยวแบบลุยๆหน่อย
เส้นทางอันตรายแต่สนุก
การท่องเที่ยวกาญจนบุรีเส้นทางนี้ ต้องบอกเลยว่าไม่สบายเท่าไรนัก เส้นทางค่อนข้างลำบากทีเดียวไม่ว่าจะเป็นทางโค้ง หลุมบนถนน และสภาพถนนบางช่วงเป็นลูกรังไปรถมอเตอร์ไซค์คล่องตัวกว่า รถยนต์อาจจะลำบากหน่อย แต่ในความลำบากนั้นกลับเป็นเสน่ห์ให้เราจดจำได้ง่าย
เส้นทางสายธรรมชาติ
จุดเด่นต่อมา เราขอยกให้กับเส้นทางสายธรรมชาติ ยิ่งหนุ่มสาวในกรุงเทพที่ไม่ค่อยมีเวลาออกมาเจอธรรมชาติมากนัก การท่องเที่ยวกรุงเทพ สังขละนั้นจะทำให้เราได้ชื่นชมธรรมชาติสองข้างทางอย่างเต็มที่ ยังไม่นับสภาพอากาศเย็นๆฝนตกปรอยๆยิ่งทำให้หนาวแต่ว่าได้กลิ่นความเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้นไปอีก(แนะนำว่าควรเช็คร่างกายก่อนไม่งั้นจะป่วยได้เที่ยวไม่สนุก)
เส้นทางสายวัฒนธรรม
เส้นทางกาญจนบุรี สังขละ-ปิล็อก นั้นถือว่าเป็นเส้นทางท่องเที่ยวสายวัฒนธรรมอีกเส้นหนึ่งเราจะได้เห็นวัฒนธรรมของพี่น้องเพื่อนบ้านอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะสะพานมอญ หากเราข้ามไปจะเห็นวิถีชีวิตพี่น้องประเทศเพื่อนบ้านที่แตกต่างกัน ได้เรียนรู้โลกอีกใบหนึ่งน่าสนใจทีเดียว หรือบางทีเราอาจจะได้ชิมอาหาร เครื่องดื่มจากประเทศเพื่อนบ้านด้วย แต่จะอร่อยไหมต้องไปพิสูจน์กันเอง
ไม่เพียงแค่นั้นระหว่างการท่องเที่ยวเราขอแนะนำให้พักโฮมสเตย์ของพื้นที่ รับรองว่าได้บรรยากาศไปอีกแบบ(บ้านต้นไม้ก็มี) รวมถึงอาหารที่บางอย่างกรุงเทพไม่มีแน่ อย่างเช่น หมูจุ่ม (หมูเสียบไม้แช่ในซอส) กับ เค้กป้าเกล็น กินแล้วต้องร้องว้าวบอกเลย
แลนด์มาร์คสำคัญ
การเดินทางท่องเที่ยวเส้นทางกาญจนบุรี สังขละ-ปิล็อก มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ จัดเข้าขั้นแลนด์มาร์คหลายแห่งเลย เริ่มจาก สะพานข้ามแม่น้ำแคว น้ำตกไทรโยคน้อย เนินเสาธง เนินช้างศึก(ทั้งสองแห่งเป็นพรมแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน) สะพานมอญ เขื่อนวชิราลงกรณ์ และ น้ำพุร้อนหินดาด หากใครได้ไปแล้วต้องเช็คอินให้ครบนะจะได้ไม่เสียเที่ยว แนะนำว่าควรออกทริปสัก 3 วัน 2 คืน ก็น่าจะพอดี อ้ออย่าลืมซื้อของฝากจากประเทศเพื่อนบ้านไปฝากเพื่อนเราด้วยล่ะ

ทริปปลายหน้าหนาว ดำน้ำชมปะการังบนเกาะ ตรัง-หลีเป๊ะ

kohlipe31

ในช่วงปลายหน้าหนาวที่อากาศเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติของประเทศไทยนั่นก็คือมีอากาศที่ค่อนข้างร้อน การไปเที่ยวพักผ่อนที่ถือว่าถูกอกถูกใจทั้งคนไทยและต่างชาติมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นทะเล และประเทศไทยเองก็ถือว่าเป็นประเทศที่โชคดีอย่างหนึ่งก็คือมีสถานที่ท่องเที่ยวอย่างทะเลอยู่มากมายเต็มไปหมด โดยเฉพาะภาคใต้ที่ต้องถือว่าเป็นสวรรค์แห่งคนรักท้องทะเลเลยก็ว่าได้ และแน่นอนว่าเมื่อไปเที่ยวทะเลแล้วการดำน้ำชมปะการังถือเป็นทริปที่น่าสนใจมากที่สุด และหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในการดำน้ำชมปะการังก็คือทะเลตรังและเกาะหลีเป๊ะ

 

สถานที่แรกที่ไม่ควรพลาดในการเที่ยวทะเลตรังก็คือ เกาะกระดาน ที่ถือได้ว่าเป็นเกาะที่มีหาดทรายสวยที่สุดในจังหวัดตรังเลยก็ว่าได้ เพราะด้วยความที่อยู่ค่อนข้างห่างไกลจากชายฝั่งพอสมควรทำให้น้ำทะเลบริเวณเกาะกระดานยังคงมีความเขียวใส มีแนวชายหาดทอดยาวไปตลอดรอบเกาะทำให้มีความเหมาะสมที่จะเล่นน้ำเป็นอย่างมาก ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีชายหาดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวอยู่ 4 แห่งประกอบไปด้วย ชายหาดกระดาน, ชายหาดอ่าวเนียง, ชายหาดอ่าวไผ่ และชายหาดอ่าวช่องลม

ที่ต่อมาที่เหมาะสมในการไปดำน้ำดูปะการังที่จังหวัดตรังก็คือ เกาะม้าและเกาะเชือก ถือว่าเป็นจุดดำน้ำดูปะการังที่มีความสวยงามเป็นอย่างมากของจังหวัดตรัง สามารถดำน้ำชมปะการังอ่อนที่มีมากมายหลากหลายสี อาทิ สีแดง สีม่วง สีส้ม มีชมพู สีเหลือง และอีกมากมายหลากหลายสีได้อย่างจุใจ บริเวณเกาะทั้ง 2 เกาะนี้นั้นจะเป็นโขดหินเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีชายหาดหรือว่าบ้านคนอาศัยอยู่ ส่วนใหญ่จะเป็นเพียงกระท่อมของคนที่เฝ้ารังนกเท่านั้น

และอีกสถานที่ที่สวยงามของทะเลใต้ที่หาดว่าใครเป็นคนที่ชื่นชอบการดำน้ำหรือการพักผ่อนที่สวยงามชองท้องทะเลและหาดทรายแล้วจะต้องไม่พลาดกับการไปเที่ยวชม เกาะหลีเป๊ะ ที่เป็นเกาะอยู่ในเขตจังหวัดสตูล ห่างจากตัวแผ่นดินของจังหวัดสตูลออกไปอีก 62 กิโลเมตร ถือว่าเป็นชายหาดที่มีความสวยงามมากล้อมรอบไปด้วยท้องทะเลที่มีความเขียวคราม เป็นเกาะที่ค่อนข้างเงียบสงบ มีน้ำที่ตื้นเขิน จุดเด่นที่สำคัญของเกาะแห่งนี้ก็คือความเป็นธรรมชาติในส่วนของปะการังที่เรียงรายอยู่รอบเกาะ เวิ้งอ่าวมีความสวยงาม ทรายละเอียดนิ่มนวล ซึ่งเกาะหลีเป๊ะจะมีหาดที่สำคัญทั้งหมด 4 หาด ประกอบไปด้วย หาดพัทยา, หาดซันไรท์, หาดคาร์มา และหาดซันเซ็ท ถือเป็นเกาะสุดท้ายที่อยู่ในพื้นที่ประเทศไทยทางตอนใต้